Last updated: 5 มี.ค. 2567 | 282 จำนวนผู้เข้าชม |
จีเอเบิล (G-Able) บริษัทด้าน "Tech Enabler" ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อมกราคม พ.ศ.2532 จดทะเบียนในชื่อ บริษัท ลอจิก จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท โดยกลุ่มพันธุมวนิช ลิ่วเจริญ เอื้อวัฒนสกุล และชันซื่อ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งถือหุ้น 54% เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายของ Sun Microsystem
ต่อมาปีพ.ศ.2537 จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในชื่อ บริษัท ซีดีจีไมโครซีสเต็มส์ จำกัด (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอ็มเวิร์จ จำกัด) โดยกลุ่มพันธุมวนิช ลิ่วเจริญ เอื้อวัฒนสกุล และชันซื่อ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งถือหุ้น 59% ปีพ.ศ.2539-2540 ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว เป็นจำนวนเงินปีละ 10 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ต่อมาในปีพ.ศ.2542 เพิมทุนฯ อีก 20 ล้านบาท และในปีพ.ศ.2544 เพิมทุนฯ 60 ล้านบาท
จนกระทั้งในปีพ.ศ.2546 ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในชื่อ บริษัท เฟิร์ส ลอจิก จำกัด โดยกลุ่มจีเอเบิล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งถือหุ้น 100% เพื่อประกอบธุรกิจในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Sun Microsystem แทนบริษัทฯ และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ จากบริษัท ลอจิก จำกัด เป็นบริษัท จีเอเบิล จำกัด ในปีพ.ศ.2547
ปีพ.ศ. 2554 บริษัทฯ ร่วมมือกับบริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชัน (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งศูนย์ Center of Excellence หรือ COE ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ รวมไปถึงการกระตุ้นให้มีการนำเทคโนโลยีของออราเคิลมาสนับสนุนโซลูชั่นของบริษัทฯ
ปีพ.ศ. 2557 เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ ในเครือ จากบริษัท ซีดีจีไมโครซีสเต็มส์ จำกัด เป็นบริษัท เอ็มเวิร์จ จำกัด ปีพ.ศ.2558 จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในกลุ่มบริษัทฯ ในชื่อ บริษัท อินไซท์เอรา จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 12.50 ล้านบาท โดยกลุ่มจีเอเบิล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่48% เพื่อประกอบธุรกิจด้านพัฒนาระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
ต่อมาในปีพ.ศ.2560 บริษัทฯ เปิดตัวโซลูชั่น Marketing Technology (MarTech) ต่อยอด Big Data เทคโนโลยีเพื่อช่วยมือและความรู้เพื่อตอบโจทย์การตลาดยุคดิจิทัล ในปีพ.ศ.2561 บริษัท อินไซท์เอรา จำกัด เปิดตัวแพลตฟอร์ม 4D Marketing Analytics รายแรกในไทยที่ตอบโจทย์ การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดครบทั้ง 4 มิติ ภายใต้ชื่อ BRIAN (ไบรอัน)
ปีพ.ศ.2564 จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในกลุ่มบริษัทฯ ในชื่อ บริษัท เบลนเดต้า จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท และทุนชำระแล้ว 15 ล้านบาท โดยกลุ่มจีเอเบิลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 100% เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และในปีพ.ศ.2565 จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในกลุ่มชื่อ บริษัท ไซเบอร์จีนิคส์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยกลุ่มจีเอเบิลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 100% เพื่อขยายธุรกิจด้านระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์
ส่วนปีพ.ศ.2566 ที่ผ่านมา จีเอเบิลประสบความสำเร็จในการยกระดับเป็นบริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ หุ้น IPO ได้ถึง 600 ล้านบาท เพื่อใช้ต่อยอดธุรกิจ
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ปีที่ผ่านมาถือว่าจีเอเบิลประสบความสำเร็จในการยกระดับเป็นบริษัทมหาชน และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ทำให้มีฐานความพร้อมด้านเงินทุนที่สามารถต่อยอดการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้ง Capacity และ Capability ได้ตามแผนการขยายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
อีกทั้งยังเป็นเจ้าของ Software Platform ที่มีการเติบโตสูงในหลายด้าน ถือเป็น Growth Engine สำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งรวมทั้งมี 5 บริษัทในเครือ เป็นพอร์ตหลักที่มั่นคงในการสร้างรายได้และมีการใช้ Value-Added Distribution เป็นตัวต่อยอดการเติบโต สามารถรักษาระดับรายได้จากรายได้ประจำ (Recurring income) ได้กว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดและมียอด Backlog สูงที่สุดในประวัติการณ์มากกว่า 4,500 ล้านบาท
ตลอดระยะเวลา 35 ปี จีเอเบิลในฐานะเป็นผู้ช่วยสร้าง Competitive Edge ให้ธุรกิจแข่งขันด้วยเทคโนโลยีมาทำให้เห็นโอกาสการเติบโตจากนี้เทรนด์ AI ที่มีบทบาทกับองค์กรธุรกิจมากขึ้น ทุกธุรกิจองค์กรจะต้องพัฒนาระบบให้เป็น AI Ready Organization ทั้งระบบ
ตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐานไอทีบนคลาวน์ การทำระบบ Data Analytics ผ่านซอฟต์แวร์ Big Data Platform รวมไปถึงการวางระบบ Cybersecurity ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกระบบในองค์กรทั้ง Front Office และ Back Office มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับ AI ในอนาคต
ดร.ชัยยุทธ เล่าต่อว่า ในยุค AI FIRST ความต้องการของธุรกิจองค์กรในอนาคตคือ Smart ที่สามารถปกป้องทุกข้อมูลสำคัญขององค์กรให้ปลอดภัย จึงจำเป็นต้องมี Secure เพื่อเพิ่มขีดสามารถในการทำกำไรและต่อยอดการเติบโตของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
และในฐานะที่จีเอเบิลเป็นบริษัทผู้นำด้านดิจิทัลเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศในตลาดหลักทรัพย์ที่มีฐานความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและเงินทุน รวมถึงมีเป้าหมายหลักในการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันที่ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจองค์กรในอนาคตได้ ด้วยกลยุทธ์แห่งการเติบโตอย่างยั่งยืน “Sustain = Smart + Secure”
เทรนด์ AI ที่จะเข้ามาสร้างโอกาสเติบโตให้กับจีเอเบิลและอีกหนึ่งโอกาสการเติบโตที่สำคัญคือการสร้าง Smart Organization ผ่าน Business Application โดยเฉพาะ Human Capital Management Software (HCM) เพราะทรัพยากรที่สำคัญ คือ คน
จากข้อมูลของการ์ทเนอร์ชี้ว่าการเติบโตเฉลี่ยของตลาด HCM ในอีก 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 18% เนื่องจากองค์กรต้องการสร้างความสามารถทางการแข่งขันผ่านการสร้างและพัฒนา Talent ซึ่งซอฟแวร์แพลตฟอร์มจะช่วยยกระดับองค์กรในการเอา Big Data และ AI มาใช้ทำ Talent Analytics, Skill Management และสร้าง Productivity และ Efficiency ของพนักงานแต่ละส่วนงาน
กลยุทธ์ปีพ.ศ.2567 ของจีเอเบิล เกิดจากแนวคิดที่ต้องการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนให้ลูกค้าด้วย Smart + Secure จึงเป็นฐานความคิดในการวางส่วนหลัก ดังนี้
1.การนำ Core Business ของจีเอเบิลในส่วน Enterprise Solutions and Services ที่มี 5 พอร์ตหลัก ได้แก่ Data analytics, Cloud, Cybersecurity, Application Development และManaged Tech Services รวมกับ IP platform เข้าไปช่วยเตรียมความพร้อมเรื่อง AI Ready Data และ AI Ready Security เพราะยิ่งเทรนด์ AI และ Cybersecurity มีความต้องการสูงจะสร้างการเติบโตให้กับจีเอเบิลมากขึ้น
2.การขยาย Capability ด้วยโอกาสใน Business Application ที่มีศักยภาพด้าน HCM และ ERP ผ่านการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทระดับโลกในด้านต่างๆ และเฟ้นหา Smart Business Applications อื่นๆ ที่น่าสนใจเข้ามาช่วยธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
3.มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจของจีเอเบิลเพื่อเพิ่มโอกาสที่มีมากกว่าและผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจสร้างความได้เปรียบในการนำเงิน ทุนจาก IPO ประมาณ 600 ล้านบาท สู่การต่อยอดการเติบโตในอนาคต ภายใต้กรอบ Investment Framework ที่มุ่งเน้น 3 เรื่องหลัก Right Product Right Technology, Win-Win Business Synergy
และ Right Price Right Value
รวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ จีเอเบิล เล่าว่าว่า ในปี 2566นั้น จีเอเบิลมีรายได้จากการดำเนินการเติบโตอยู่ที่ 5,338 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ถึง 13% แม้มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบทั้งความผันผวนของปัจจัยระดับมหภาคและอุตสาหกรรมมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
แต่จีเอเบิลยังคงเติบโตแบบสวนกระแสและสามารถเร่งการเติบโตของรายได้เป็น Double Digit ได้ในทุกส่วนธุรกิจทั้ง Enterprise Solution, Value Added Distribution และSoftware Platform นอกจากนี้ หลังจากเข้าตลาด จีเอเบิลสามารถสร้างกำไรขั้นต้นจำนวน 1,099 ล้านบาท ในปีพ.ศ.2566 เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 21% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ด้านกำไรสุทธิปีพ.ศ.2566 อยู่ที่ 253 ล้านบาท และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 3/2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคตและมี Backlog ที่พร้อมรองรับรายได้ในปีพ.ศ.2567 แล้วกว่า 2,753 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมองเห็นโอกาสเติบโตในอนาคตได้อีกมาก จากตัวเร่งความต้องการในการสร้าง AI Ready Organization ที่ลูกค้าต้องทำ AI-Ready Foundation ให้พร้อมทั้ง Data Analytics และ Cybersecurity อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตจากการเป็นพาร์ทเนอร์ใน Business Applications รวมถึงโอกาสการต่อยอดธุรกิจแบบ Inorganic Investment ผ่านการ M&A
โดยจากสมการกลยุทธ์ “Sustain = Smart + Secure” ในปีนี้จีเอเบิลยังคงดำเนินธุรกิจโดยยึด 3 เรื่องหลักที่สอดคล้องกับสมการนี้ คือ Smart Finance การสร้างผลตอบแทนทางการเงินเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของ Organic Investment และ Inorganic Investment Secure Finance
การรักษาวินัยทางการเงินทั้งในส่วนของ Secure Operation และ Secure Investment โดยมุ่งเน้นการลงทุนอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบ Investment Framework เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่าง Secure และ Sustain ได้ในระยะยาว และ Sustain Finance การสร้างความเติบโตทางการเงินอย่างยั่งยืน รวมถึงการป้องกันความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
25 มิ.ย. 2567